วันศุกร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2554

canon in d



          Kanon เป็นผลงานการประพันธ์ของ Johann Pachelbel นักประพันธ์และนักออร์แกนในยุค Baroque (บาโรค) นาย Pachelbel คนนี้ เป็นนักประพันธ์ที่ Johan Sebastian Bach (บาค คนแต่งทำนอง A lover's concerto) ชื่นชอบและถือเป็นแรงบันดาลใจ และเป็นแบบอย่าง สำหรับ Kanon นี้ เป็นผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขาอย่างมาก ต้นฉบับนั้น Pachelbel ประพันธ์ Kanon มา สำหรับให้เล่นด้วยเครื่องดนตรี 4 ชิ้นเท่านั้น คือ Violin 3 ตัว และ Continuo (สันนิษฐานว่า คือ Bass ในปัจจุบัน) มิใช่เป็นเพลงสำหรับเปียโนแต่อย่างใด และที่สำคัญ เพลงนี้ ในต้นฉบับ ทำนองซับซ้อนเกินกว่าจะเล่นด้วยเปียโนเพียงคนเดียวได้
          ใน version ต้นฉบับ จุดเด่นของเพลงที่ถือเป็น "สิ่งมหัศจรรย์" อย่างนึงเลยทีเดียว ก็คือท่วงทำนองของเพลง จากที่ได้กล่าวไปแล้วว่า Kanon เดิมให้เล่นด้วย Violin 3 ตัวและ Bass อีก 1 แนวเสียง Bass นั้นจะเล่นโน้ต 8 ตัว ซ้ำวนตลอดเพลง
          แต่ทีเด็ดของแนวทำนองของไวโอลินทั้งสามตัว เชื่อหรือไม่ว่า ทั้งสามตัวนั้น เล่นทำนองเดียวกันตลอด เริ่มเพลง แนว Bass เล่นเครื่องเดียว 4 ห้องเพลง ตามด้วย Violin 1 เล่นทำนองหลัก 4 ห้อง (เบส ยังเล่นทำนองเดิม) หลังจากนั้น Violin 1 จะเล่นทำนองที่สอง และ Violin 2 จะนำทำนองที่ Violin 1 เพิ่งเล่นผ่านไปเมื่อ 4 ห้องที่แล้ว มาเล่นซ้ำ โน้ตเดิมทุกประการ และเมื่อ Violin 1 เล่นทำนองที่สาม Violin 2 ก็จะเล่นทำนองที่สอง (ที่ Violin 1 เพิ่งเล่นผ่านไป) และ Violin 3 ก็เล่นนำทำนองแรก (ที่ Violin 1 เล่นผ่านไปแล้ว 8 ห้องเพลง) มาเล่น และทั้งหมด ออกมาสอดคล้องกันราวกับเสียงสวรรค์ 
          คำว่า Canon ในทางดนตรี หมายถึงการเล่นวนซ้ำ เพลงนี้ ก็คือการนำทำนองของ Violin 1 มาเล่นซ้ำด้วย Violin 2 และ 3 นั่นเอง
          ลองฟังดูดี ๆ จะพบว่า ทำนองมันซ้ำกัน แต่เล่นด้วยเครื่องดนตรีคนละเครื่อง เป็นเพลงที่เพราะมาก ในอดีต เคยใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ Ordinary People มาก่อน และเร็ว ๆ นี้ก็มาประกอบ My Sassy Girl เพลงนี้ ของจริงต้อง Key D Major  เพราะฉะนั้น เรามักจะได้ยินชื่อเพลงนี้เต็ม ๆ ว่า Kanon in D อยู่บ่อย ๆ 

แหล่งที่มา : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=946125

ที่สอง

"ไม่มีใครจดจำคนที่เป็นที่สอง"
นานมากแล้วที่ความคิดนี้คงอยู่คู่กับสังคมทุนนิยม
สังคมที่กระตุ้นให้คนแข่งขันกันเพื่อไปสู่ความเป็นเลิศ
แต่มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องเลวร้ายน่ารักเกียจซะทีเดียว
เพราะในอีกด้าน ก็สะท้อนออกมาในรูปของการสร้างสรรค์สังคมอยู่เหมือนกัน

แต่การเป็นที่หนึ่งไม่ได้หมายความว่าเป็นผู้ชนะ
การเป็นที่สองก็ไม่ได้หมายความว่าคือผู้แพ้
เพราะเราทุกคนสามารถเป็น "ผู้แพ้ที่ชนะ" ได้เหมือนกัน

จาก หนังสือเรื่อง หญิงสาวนักขายขนมปัง
        แต่งโดย วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์
        ตอน "ที่สอง"

นาฬิกาปลุก

ที่เราไม่ค่อยรักเสียงนาฬิกาปลุกนั้น
อาจเป็นเพราะมันเข้ามาปลุกในจังหวะที่ไม่อยากตื่น
ในบางคืนที่เราผันดี ในบางทีที่เรายังอ่อนล้า
ยังอยากใช้เวลาหลบตัวอยู่ในความฝัน
ยังโศกเศร้ากับเรื่องราวของเมื่อวานที่ไม่ยอมผ่านไป
ยังไม่แน่ใจกับอนาคต
ซึ่งทั้งหมดอาจทำให้ไม่อยากตื่นขึ้นมาเพื่อเผชิญหน้ากับปัจจุบัน

แต่เราก็ต้องตื่นขึ้นมา
เราไม่ได้ตื่นขึ้นมาเพราะเราเคารพนาฬิกาปลุก แต่ตื่นขึ้นมาเพราะเคารพคนอื่น
ผู้คนมากมายที่รอเราไปร่วมมือทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ด้วยกัน
นั่นคือเหตุผลที่เราต้องตื่น

จาก หนังสือเรื่อง สิ่งมหัศจรรย์ธรรมดา แต่งโดย นิ้วกลม
        ตอน "นาฬิกาปลุก"